วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ชุมชนนิมนต์ยิ้ม







ชุมชนนิมนต์ยิ้ม เป็นการ์ตูนทีวีแอนิเมชัน 3 มิติ ที่ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับธรรมะเพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งผลิตโดยบริษัท โฮมรัน เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด ออกอากาศโดยสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ครั้งแรกในวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2553

การผลิต
                ชุมชนนิมนต์ยิ้มผลิตโดยบริษัท โฮมรัน เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด เพื่อนำหลักธรรมะมาสอดแทรกในการ์ตูนเพื่อให้เด็ก และบุคคลทั่วไปเข้าใจง่ายและนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ โดยตัวละครเอก 3 ตัวละคร คือ หลวงพี่พอเพียง เณรธีร์ และเณรปัน ได้แรกบัลดาลใจจากพระสงฆ์ 3 รูป ได้แก่
            หลวงพี่พอเพียง ได้แรกบัลดาลใจจาก พระราชธรรมนิเทศ
            เณรธีร์ ได้แรกบัลดาลใจจาก พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี
            เณรปัน ได้แรกบัลดาลใจจาก พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต

                โดยได้รับการเปิดเผยจาก คุณโสภิตา ธรรมสังคีติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮมรัน เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัดว่า "เป็นที่ทราบกันดีว่า ทั้งพระพยอม ท่าน ว. วชิรเมธี และพระมหาสมปอง ท่านมีวิธีการเผยแพร่ธรรมะ ในสไตล์ที่โดดเด่นไม่เหมือนกัน แต่ล้วนแล้วแต่มีวิธีเปรียบเปรย ให้ผู้ฟังเข้าใจง่าย ตรงนี้เอง ที่เป็นแรงบันดาลใจให้โฮมรันฯ อยากทำการ์ตูนที่พัฒนาคาแรคเตอร์มาจากพระทั้ง 3 รูป จึงได้ทำเรื่องเสนอโครงการไป ซึ่งเป็นที่น่ายินดี ว่าพระท่านเห็นดีด้วย และให้กำลังใจ ว่าด้วยรูปแบบการ์ตูนที่มีความน่ารัก และสนุกสนานนี้ จะทำให้คนไทยทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กและเยาวชนได้เข้าใจธรรมะมากขึ้น นอกจากนี้ โครงการยังได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่ส่งนักจิตวิทยามาช่วยให้ความเห็นด้านบทภาพยนตร์ ให้มีลักษณะ เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี ทีมงานเราได้ทุ่มเททำงานมากว่า 2 ปี ต้องขอบพระคุณทางช่อง 3 ด้วย ที่ให้โอกาสเราค่ะ"

เค้าโครงเรื่อง
        หลวงพี่พอเพียงกับมะอึกได้หลุดมิติจากสมัยอยุธยามายังยุคปัจจุบันที่ชุมชนคลองพุทธ ต่อมาได้พบกับเณรธีร์ และเณรปัน เณรจากวัดคลองพุทธ หลังจากนั้นหลวงพี่พอเพียงกับมะอึกได้อาศัยอยู่ในวัดคลองพุทธ และยังได้รู้จักคนในหมู่บ้านกลุ่มหนึ่ง ได้แก่ ป้าจี๊ด, เจ๊ไฝ, พี่เบิร์ด, แจ๊ค, โอ, โกเฮง, หมวยใหญ่, หมวยเล็ก, ชายหมิง และหญิงมุกโดยแต่ละคนจะมีปัญหาแตกต่างกัน แต่ทุกคนก็ผ่านปัญหาไปได้ด้วยธรรมะจากการเทศน์ของหลวงพี่พอเพียง








#ชุมชนนิมนต์ยิ้ม #การ์ตูนไทย #เณร



อ้างอิงจาก    https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%A1

วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ขลุ่ย


ขลุ่ย








ขลุ่ย เป็นเครื่องดนตรีโบราณของไทยชนิดหนึ่ง สันนิษฐานว่า อาจจะเกิดขึ้นก่อนหรือในสมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี ร่วมสมัยกับเครื่องดนตรีประเภท กลอง ฆ้อง กรับ พิณเพียะ แคน ขลุ่ย ปี่ ซอ และกระจับปี่ แต่มีหลักฐานชัดเจนปรากฏ ในกฎมนเฑียรบาลสมัยพระบรมไตรโลกนาถ (พ.ศ. 1991-2031) แห่งกรุงศรีอยุธยาว่าห้ามร้องเพลงหรือเป่าขลุ่ย เป่าปี่ สีซอ ดีดกระจับปี่ ดีดจะเข้ ตีตะโพนในเขตพระราชฐานก่อนที่จะมาเป็นขลุ่ยอย่างที่ปรากฏรูปร่างในปัจจุบัน ขลุ่ยได้ผ่านการวิวัฒนาการมาเป็นระยะเวลายาวนาน มาจากปี่อ้อซึ่งตัวปี่หรือเลาทำจากไม้รวกท่อนเดียวไม่มีข้อ และมีลิ้นซึ่งทำด้วยไม้อ้อลำเล็กสำหรับเป่าให้เกิดเสียง หลังจากนั้นจึงปรับเปลี่ยนรูปร่าง และวิธีเป่าจนกลายมาเป็นขลุ่ยอย่างที่เรียกกันในปัจจุบันนี้ว่าเป็นขลุ่ยเพียงออ



ประเภทของขลุ่ย
คนไทยเป็นคนที่มีพรสวรรค์ทางศิลปะ จะเห็นได้ว่างานหัตถกรรมของไทยงดงามไม่แพ้ของชนชาติใดในโลก ประกอบกับความคิดสร้างสรรค์ที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมจึงทำให้เรามีมรดกทางด้านศิลปวัฒนธรรมอยู่เป็นจำนวนมาก ขลุ่ยก็เช่นเดียวกัน นอกจากขลุ่ยเพียงออ ซึ่งสืบทอดคุณลักษณะและรูปร่างมาแต่โบราณแล้ว ต่อมาบรรพบุรุษของเรายังได้คิดค้น "ขลุ่ยหลีบ" ไว้สำหรับเล่นคู่กับขลุ่ยเพียงออ "ขลุ่ยอู้" ซึ่งคิดค้นขึ้นในสมัยสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อใช้ประกอบการละเล่นละครดึกดำบรรพ์ นอกจากนั้น ก็ยังมีขลุ่ยที่เรียกชื่ออย่างอื่นอีก เช่น ขลุ่ยกรวด ขลุ่ยเคียงออ ขลุ่ยรองออ ขลุ่ยออร์แกน เพื่อให้เหมาะกับการที่จะไปเล่นผสมกับวงดนตรีประเภทต่างๆ
ปัจจุบันขลุ่ยที่ยังมีผู้นิยมเล่นมากที่สุด มี 3 ประเภท คือ
ขลุ่ยเพียงออ
ขลุ่ยหลีบ
ขลุ่ยอู้





ขลุ่ยเพียงออ
เป็นเครื่องดนตรีไทย ประเภทเครื่องเป่าชนิดไม่มีลิ้น ทำจากไม้รวกปล้องยาวๆ ด้านหน้าเจาะรูเรียงกัน สำหรับปิดเปิดเพื่อเปลี่ยนเสียง ตรงที่เป่าไม่มีลิ้นแต่มีดาก ซึ่งทำด้วยไม้อุดเหลาเป็นท่อนกลมๆยาวประมาณ 2 นิ้ว สอดลงไปอุดที่ปากของขลุ่ย แล้วบากด้านหนึ่งของดากเป็นช่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ เราเรียกว่า ปากนกแก้ว เพื่อให้ลมส่วนหนึ่งผ่านเข้าออกทำให้เกิดเสียงขลุ่ยลมอีกส่วนจะวิ่งเข้าไปปลายขลุ่ยประกอบกับนิ้วที่ปิดเปิดบังคับเสียงเกิดเป็นเสียงสูงต่ำตามต้องการใตปากนกแก้วลงมาเจาะ 1 รู เรียกว่า รูนิ้วค้ำ เวลาเป่าต้องใช้หัวแม่มือค้ำปิดเปิดที่รูนี้ บางเลาด้านขวาเจาะเป็นรูเยื่อ ปลายเลาขลุ่ยมีรู 4 รู เจาะตรงกันข้ามแต่เหลื่อมกันเล็กน้อย ใช้สำหรับร้อยเชือกแขวนเก็บหรือคล้องมือจึงเรียกว่า รูร้อยเชือก รวมขลุ่ยเลาหนึ่งมี 14 รูด้วยกัน รูปร่างของขลุ่ยเมือพิจารณาแล้วจะเป็นเครื่องดนตรีที่เก่าแก่ที่สุดชนิดหนึ่ง จากหลักฐานที่พบขลุ่ยในหีบศพภรรยาเจ้าเมืองไทยที่ริมฝั่งแม่น้ำฮวงโหซึ่งมีหลักฐานจารึกศักราชไว้ไม่ต่ำกว่า 2,000 ปี ปัจจุบันขลุ่ยมีราคาสูง เนื่องจากไม้รวกชนิดที่ทำขลุ่ยมีน้อยลงและใช้เวลาทำมากจึงใช้วัตถุอื่นมาเจาะรูซึ่งรวดเร็วกว่า เช่น ไม้เนื้อแข็ง ไม้ไผ่ ไม้ชิงชัน ไม้พยุง บางครั้งอาจทำจากท่อพลาสติกแต่คุณภาพเสียงไม่ดีเท่าขลุ่ยไม้ ขลุ่ยที่มีเสียงไพเราะมากส่วนใหญ่จะเป็นขลุ่ยผิวไม้แห้งสนิทขลุ่ยใช้เป่าในวงเครื่องสายไทย วงมโหรี และในวงปี่พาทย์ไม้นวม วงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์ การเทียบเสียงขลุ่ยเพียงออกับระดับเสียงดนตรีสากล เสียงโดของขลุ่ยเพียงออ เทียบได้เท่ากับ เสียง ทีแฟล็ต ในระดับเสียงทางสากล ปัจจุบันได้มีการทำขลุ่ยเพียงออที่มีระดับเสียงเท่ากับระดับเสียงสากล เรียกว่าขลุ่ยเพียงออ ออร์แกนบ้าง หรือขลุ่ยกรวดบ้าง แต่ในทางดนตรีสากลจะเรียกเป็นขลุ่ยไทยหมด จะเอาระดับเสียงมาเป็นตัวแยกขนาดเช่น ขลุ่ยคีย์ C, ขลุ่ยคีย์ D, ขลุ่ยคีย์Bb, ขลุ่ยคีย์ G เป็นต้น เป็นขลุ่ยที่มีขนาดปานกลาง ความยาวประมาณ 16 นิ้วระดับเสียงกลางๆ ไม่สูงไม่ต่ำเกินไป เป็นขลุ่ยที่มีผู้นิยมเล่นมากที่สุด นอกจากจะเป่าเพื่อความบันเทิงและความรื่นรมย์เฉพาะตัวแล้ว ขลุ่ยเพียงออยังเป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องตาม (เช่นเดียวกับระนาดทุ้ม และ ซออู้) ตามประเพณีนิยมในวงเครื่องสาย และ วงมโหรี





ขลุ่ยหลีบ
จัดเป็นขลุ่ยที่มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดาขลุ่ยไทยทั้งหมด มีความยาวประมาณ 25 เซนติเมตร มีเสียงสูง ใช้ในการบรรเลงในวงมโหรีเครื่องคู่ เครื่องใหญ่ และวงเครื่องสายเครื่องคู่ โดยเป็นเครื่องนำในวงเช่นเดียวกับระนาด หรือซอด้วง นอกจากนี้ยังใช้บรรเลงในวงเครื่องสายปี่ชวา โดยบรรเลงเป็นพวกหลังเช่นเดียวกับซออู้ เป็นขลุ่ยที่มีขนาดเล็กที่สุด ความยาวประมาณ 12 นิ้ว เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องนำ (เช่นเดียวกับระนาดเอก และ ซอด้วง) ในวงมโหรีและวงเครื่องสายเครื่องคู่ และใช้เป็นเครื่อง ตามในวงเครื่องสายปี่ชวาเมื่อปิดนิ้วหมดทุกนิ้ว เป่าแล้วจะได้เสียง "ฟา" สูงกว่าขลุ่ยเพียงออ 4 เสียง








ขลุ่ยอู้

เป็นขลุ่ยที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ความยาวประมาณ 23 นิ้ว มีระดับเสียงต่ำสุดและเป็นขลุ่ยที่มีเสียงต่ำที่สุดคือต่ำกว่าเสียงโดต่ำของขลุ่ยเพียงออ 2-3 เสียง และมีลักษณะพิเศษที่ต่างจากขลุ่ยเพียงออ และขลุ่ยหลีบ คือมีรูที่ทำให้เกิดเสียง 6 รู เมื่อปิดนิ้วทุกนิ้ว เป่าแล้วจะได้เสียง "ซอล" ต่ำกว่าขลุ่ยเพียงออ 3 เสียงนิยมใช้ในวงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์





วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ภราดร ศรีชาพันธุ์








ภราดร ศรีชาพันธุ์ (ชื่อเล่น บอล, เกิด 14 มิถุนายน พ.ศ. 2522) ฉายา "ซุปเปอร์บอล" เป็นนักเทนนิสชาวไทย และเป็นนักเทนนิสชายชาวเอเชียที่มีอันดับสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วยอันดับ 9 ของโลกในปี พ.ศ. 2546


ภราดรเริ่มเล่นในระดับอาชีพเมื่อปี พ.ศ. 2540 และในรายการเอทีพี ปี พ.ศ. 2541 โดยจบปีด้วยอันดับท้ายๆ ของมือวางร้อยอันดับแรกของเอทีพีมาหลายปี จนกระทั่งปี พ.ศ. 2545 สามารถเป็นขึ้นมือวาง 30 อันดับแรก ภายหลังจากสามารถเอาชนะ อังเดร อากัสซี ในรายการวิมเบิลดัน และขึ้นเป็นอันดับ 9 ของโลกในปี 2546



ประวัติ
ภราดร เกิดที่จังหวัดขอนแก่นเติบโตที่กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรชายคนสุดท้องในจำนวน 3 คน ของชนะชัย และอุบล ศรีชาพันธุ์ มีพี่ชายสองคน คือ ธนากร และนราธร จบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่ โรงเรียนอรรถวิทย์พณิชยการ เขตบางนาปัจจุบัน สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง กรุงเทพฯ ปัจจุบันมีส่วนสูง 185 ซม. น้ำหนัก 81 กก. ใช้รองเท้าและเสื้อผ้าของ อดิดาส และไม้เทนนิสของ โยเน็กซ์ เริ่มเล่นเทนนิสครั้งแรก ตั้งแต่อายุ 5-6 ปี
นอกจากนี้ ภราดรได้ปรากฏตัวในโฆษณาหลายครั้ง ได้แก่ โฆษณาของ กระทรวงวัฒนธรรม เชฟโรเลต เทเลคอมเอเซีย ซัมซุง และ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ในปี 2547 มีข่าวออกมาว่าเป็นแฟนกับทาทายัง แต่ทางบ้านไม่เห็นด้วย ปีถัดมามีข่าวว่าควงกับ โอเด็ต แจ็คโคมิน นางแบบสาวที่มักเดินทางไปเชียร์ภราดรเมื่อมีโอกาสสมรสกับนางสาวนาตาลี เกลโบวา วันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2550 และมีงานแต่งงานเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 ปัจจุบันได้เลิกรากันแล้ว[2]




ผลงานการแข่งขันกีฬาเทนนิส
บทความนี้อาจต้องการพิสูจน์อักษร ในด้านไวยากรณ์ รูปแบบการเขียน การเรียบเรียง คุณภาพ หรือการสะกด คุณสามารถช่วยพัฒนาบทความได้
ในปี 2547 ภราดรได้เป็นตัวแทนของประเทศไทยในการถือธงชาติในกีฬาโอลิมปิก ที่เอเธนส์ ประเทศกรีซ ผลงานในทีมชาติไทยคือ เหรียญทอง ชายเดี่ยว ซีเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่อินโดนีเซีย, 3 เหรียญทอง ซีเกมส์ ครั้งที่ 20 ที่บรูไน, เหรียญทอง ชายคู่ เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 ที่ประเทศไทย, เหรียญทอง ชายเดี่ยว เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 14 เมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้, ทีมชาติไทย ชุดแชมป์ เดวิส คัพ โซนเอเชีย

เดือนมีนาคม 2549 ภราดรสามารถเอาชนะมือวางถึง 4 คน จนเข้าสู่รอบรองชนะเลิศการแข่งขันรายการแปซิฟิกไลฟ์โอเพน ทำให้อันดับโลกที่ตกลงไปที่ 61 ดีดกลับมาอยู่ที่ 38 สูงกว่าอันดับโลกเมื่อสิ้นปี 2548 เล็กน้อย อย่างไรก็ตามภราดรประสบปัญหาเจ็บข้อมือเรื้อรัง จนขณะนี้ (19 มีนาคม 2550) อันดับโลกตกไปอยู่ที่ 83 กลายเป็นมืออันดับสองของไทยตามหลัง ดนัย อุดมโชค ซึ่งอยู่ที่อันดับ 79 และในปี 2550 ภราดรแทบไม่ได้ลงแข่งเทนนิสเลย จนกระทั่งปัจจุบันอันดับได้หล่นลงไปที่ 900 กว่าแล้ว เพราะไม่มีคะแนนสะสม อย่างไรก็ตามภราดรจะได้สิทธิ์ลงแข่งในรายการระดับ ATP 9 รายการในการกลับมาเล่นอีกครั้ง โดยระหว่างพักอาการบาดเจ็บนั้นภราดรรับหน้าที่เป็นพิธีกรในรายการ เช้านี้...ที่หมอชิต

เดือนตุลาคม 2552 ภราดรสามารถกลับมาลงแข่งขันได้อีกครั้งในรายการ พีทีที ไทยแลนด์ โอเพ่น 2009 หลังจากห่างหายจากการเล่นเทนนิสไป 2 ปี โดยเล่นประเภทชายคู่ คู่กับ ดนัย อุดมโชค แพ้ตกรอบแรกอย่างหวุดหวิด 1-2 เซต ด้วยคะแนน 6-2, 1-6, 6-10

เดือนมกราคม 2553 ภราดรได้กลับมาแข่งเทนนิสอีกครั้ง 2 รายการในประเทศไทยและฮ่องกง โดยรายการแรกแข่งเทนนิสนัดพิเศษฉลองครบ 100 ปีหัวหิน "หัวหิน เซ็นเท็นเนียล อินวิเทชั่น" ที่สนามเซ็นเท็นเนียลปาร์ค อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2553 ประเภทคู่ผสม ซึ่งแข่งขันกันเพียงเซตเดียวเท่านั้น โดยภราดร คู่กับ วีนัส วิลเลียมส์ ชนะคู่ของ ดนัย อุดมโชค กับ มาเรีย ชาราโปวา ด้วยคะแนน 7-6 ไทเบรก 8-6 รายการที่ 2 แข่งเทนนิสรายการพิเศษ "ฮ่องกง เทนนิส คลาสสิก 2010" ที่วิคตอเรีย พาร์ค เทนนิส สเตเดี้ยม ฮ่องกง เมื่อวันที่ 6-9 มกราคม 2552 โดยการแข่งขันรายการดังกล่าวเป็นการแข่งขันประเภททีม ซึ่งประกอบด้วยทีมที่เข้าร่วม 4 ทีม ได้แก่ ทีมเอเชีย แปซิฟิก ประกอบด้วย เจีย เชง, อายูมิ โมริตะ และ ภราดร ศรีชาพันธุ์ ทีมรัสเซีย ประกอบด้วย มาเรีย ชาราโปว่า เวร่า ซโวนาเรว่า และ เยฟเกนี่ คาเฟลนิคอฟ ทีมอเมริกา ประกอบด้วย วีนัส วิลเลี่ยมส์, จีเซล่า ดุลโก้ และ ไมเคิ่ล ชาง ทีมยุโรป ประกอบด้วย แคโรไลน์ วอซเนี้ยคกี้, วิคตอเรีย อซาเรนก้า และ สเตฟาน เอ็ดเบิร์ก ผลการแข่งขันทีมเอเชีย แปซิฟิกได้รองแชมป์กลุ่มเงิน โดยภราดรลงสนามนัดแรกประเภทเดี่ยวชนะเยฟเกนี่ คาเฟลนิคอฟ ด้วยคะแนน 6-2, 1-6, 10-4 นัดสองประเภทคู่ผสมคู่กับอายูมิ โมริตะ แพ้ มาเรีย ชาราโปว่า กับ เยฟเกนี่ คาเฟลนิคอฟ ด้วยคะแนน 4-6, 5-7 นัดสามประเภทเดี่ยวชนะไมเคิ่ล ชาง ด้วยคะแนน 6-4, 2-6, 10-6 นัดสี่ประเภทคู่ผสมคู่กับเจีย เชง แพ้ วีนัส วิลเลี่ยมส์ กับ ไมเคิ่ล ชาง ด้วยคะแนน 6-4, 3-6, 9-11

หลังจากนั้นภราดรได้มีผลงานแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกคือ บางระจัน 2 และเป็นผู้ปั้นนักกีฬาโครงการ "เดอะสตาร์" ของลอนเทนนิสสมาคมฯ เป็นกัปตันทีมเดวิสคัพให้กับทีมชาติไทยอีกด้วย แต่เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2553 ภราดรประสบอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์คว่ำแขนหัก 2 ข้าง และขาหัก 1 ข้าง ทำให้กระดูกข้อมือทั้ง 2 ข้างเคลื่อน และเท้าซ้ายฉีก ทำให้ภราดรไม่มีความพร้อมที่จะกลับสู่สนามแข่งขันเทนนิสอาชีพได้ตามที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก และประกาศแขวนแร็กเก็ตอย่างเป็นทางการในรายการ พีทีที ไทยแลนด์ โอเพน 2010[3] โดยปัจจุบันภราดรผันตัวเองมาจับธุรกิจหลายต่อหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ฝึกสอนเทนนิส ร้านอาหาร รวมไปถึง บริษัทผลิตยาสมุนไพรบำรุงกำลังเพศชาย "แมจิก ไอริส"

เดือนตุลาคม 2553 ภราดรได้กลับมาแข่งเทนนิสอีกครั้งในรายการพิเศษ "เอทีพี แชมเปี้ยนส์ ทัวร์" ที่ศูนย์เทนนิสนานาชาตินครเฉิงตู สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 21-24 ตุลาคม 2553 ซึ่งเป็นรายการที่ได้เชิญนักเทนนิสอดีตมือ 1 โลก และ นักเทนนิสที่มีชื่อเสียงในอดีตและได้เลิกเล่นเทนนิสไปแล้วมาลงสนามแข่งขัน โดยมีข้อกำหนดว่า นักหวด 6 คน ต้องเคยเป็นมือ 1 โลก, เข้าชิงชนะเลิศแกรนด์สแลม หรือเป็นแชมป์เดวิส คัพ มาแล้ว ขณะที่อีก 2 คนจะเป็นนักกีฬารับเชิญ ซึ่งรวมถึง"เจ้าบอล" ภราดร ศรีชาพันธุ์ อดีตมือ 9 ของโลก และมือ 1 เอเชีย ขวัญใจชาวไทยในครั้งนี้ โดยทั้งสองกลุ่มจะแข่งขันแบบพบกันหมด ผู้ชนะของสองกลุ่มเข้าไปชิงชนะเลิศ และอันดับ 2 ของแต่ละกลุ่มชิงที่ 3 โดยเล่นในระบบ 2 ใน 3 เซต และเซตตัดสินใช้ระบบแชมเปี้ยนไทเบรก ใครถึง 10 แต้มก่อนชนะ ภราดรอยู่กลุ่ม A ลงสนามนัดแรกพบกับ กี ฟอร์เชต์ อดีตมือ 4 ของโลก ภราดรเป็นฝ่ายแพ้ไป 0-2 เซต ด้วยคะแนน 4-6, 6-7 (1) นัดสองพบกับ แพช แคช อดีตมือ 4 ของโลก ภราดรเป็นฝ่ายชนะไป 2-1 เซต ด้วยคะแนน 6-4, 5-7, 10-5 นัดสามพบกับ พีท แซมพราส อดีตมือ 1 ของโลก ภราดรเป็นฝ่ายแพ้ไป 0-2 เซต ด้วยคะแนน 3-6, 2-6 ได้อันดับ 3 ของกลุ่ม A


เดือนมกราคม 2555 ภราดรได้กลับมาแข่งเทนนิสอีกครั้งในการแข่งขันเทนนิสการกุศล "เวิลด์ เทนนิส แชริตี้ อินวิเทชั่น" เพื่อระดมทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมใหญ่ ที่สนามเซ็นเทนเนียล ปาร์ค อินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2555 ชนะ จอห์น อิสเนอร์ (มือ 18 ของโลก) 2-0 เซต ด้วยคะแนน 6-4, 7-5



อ้าอิงจากhttps://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%A3_%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B9%8C

วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558

【Kuroko no Basket 】




เรื่องย่อ
จากตำนานแห่งทีมบาสเก็ตบอลของโรงเรียนมัธยมต้นเทย์โคที่มีผู้เล่นสุดแข็งแกร่ง 5 คน พวกเขาได้กลายเป็นที่รู้จักในฐานะ "รุ่นปาฏิหาริย์"หลังจากที่พวกเขาทั้ง 5 คน จบการศึกษาจากโรงเรียนนี้แล้ว ต่างแยกย้ายไปเรียนในโรงเรียนที่มีทีมบาสเกตบอลชั้นนำ แต่มีผู้รู้ไม่กี่คนว่าความจริงแล้วยังมีผู้เล่นอีกคนในทีม เขาเปรียบเสมือนเงาของทีม และเป็นสมาชิกคนที่ 6 ในทีมถูกขนานนามว่า "ผู้เล่นมายาคนที่ 6" ซึ่งได้เข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมปลายเซย์ริน คางามิ ไทกะ เขาได้ย้ายมาเรียนและสมัครเข้าชมรมบาสเก็ตบอลของโรงเรียนมัธยมปลายเซย์ริน เขานั้นมีประสบการณ์การเล่นบาสเก็ตบอลมาจากอเมริกาและเมื่อมาเรียนที่โรงเรียนนี้ เขาได้รู้จักกับ คุโรโกะ เท็ตสึยะ อดีตสมาชิกคนที่ 6 ในทีมของรุ่นปาฏิหาริย์ พวกเขาได้กลายเป็นคู่หูกันในชมรมบาสเกตบอล และคุโรโกะยังบอกว่า อดีตสมาชิกในกลุ่มอีก 5 คนได้แยกย้ายไปอยู่ในโรงเรียนมัธยมที่มีทีมบาสเก็ตบอลชั้นนำ และมีฝีมือเหนือกว่าคางามิ ตัวคางามิและคุโรโกะจึงตั้งใจจะเอาชนะ อดีตสมาชิกที่เหลือทั้ง 5 ของรุ่นปาฏิหาริย์ให้ได้ เพื่อสร้างตำนานบทใหม่และพาทีมขึ้นไปสู่ที่ 1 ของระดับประเทศ...


ตัวละคร
รงเรียนเซย์ริน



คุโรโกะ เท็ตสึยะ (黒子 テツヤ
พากย์เสียงโดย : Ono Kenshō
เบอร์ 11 (สมัยเทย์โคเบอร์ 16 ตอนปีหนึ่ง เบอร์ 15 ตอนปีสอง)
ตำแหน่ง : ??
สูง : 168! เซนติเมตร (สมัยเทย์โค 155 เซนติเมตร)
น้ำหนัก : 57 กิโลกรัม
กรุ๊ปเลือด : A
วันเกิด : 31 มกราคม
อาหารที่ชอบ : วานิลลาเชคส์
เด็กหนุ่มน้องใหม่โรงเรียนมัธยมปลายเซย์ริน อดีตสมาชิกคนที่ 6 ของรุ่นปาฏิหาริย์แห่งโรงเรียนมัธยมเทย์โค เป็นคนเงียบๆ สุขุม เยือกเย็น ไม่ค่อยมีใครสนใจ แต่เขากลับเป็นอาวุธลับของโรงเรียนเซย์ริน ในอดีตแม้ว่าเขาจะเป็นสมาชิกคนสำคัญของ ทีมแห่งปาฏิหาริย์ แต่เขานั้นแตกต่างจากเพื่อนร่วมทีมเก่า เขาไม่เป็นที่รู้จัก เพราะเขาเปรียบเสมือน "เงา" ของทีม คุโรโกะมีร่างกายรูปร่างเล็กและบอบบางเลยทำให้ได้เปรียบในการส่งบอลที่ยอดเยี่ยมเคลื่อนไหวราวกับไร้ตัวตนในสนามเวลาแข่งจึงไม่ถูกสังเกตโดยฝ่ายตรงข้าม เขาเป็นคนที่รักบาสเก็ตบอลมาก และจะเกลียดมากเมื่อมีคนเล่นแบบไม่ให้เกียรติฝ่ายตรงข้ามหรือเล่นสกปรก (อย่างเช่นตอนแข่งกับคิริซากิ ไดอิจิ) คุโรโกะเป็นคนที่อ่านทางคนออก (เพราะนิสัยที่ชอบมองพฤติกรรมคนอื่น) ทำให้ช่วงหลังสามารถพัฒนาพลังขึ้นมาจนกลายเป็นเนตรจักพรรดิในฉบับของตนเองขึ้นมาได้เพราะเชื่อใจเพื่อนร่วมทีมนั่นเอง




คางามิ ไทกะ (火神 大我
พากย์เสียงโดย : Ono Yuuki
เบอร์ 10
ตำแหน่ง : Power Forward (เพาเวอร์ฟอร์เวิร์ด)
สูง : 190 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 83 กิโลกรัม
กรุ๊ปเลือด : A
วันเกิด : 2 สิงหาคม
พรสวรรค์ : พลังการกระโดด
เด็กหนุ่มอารมณ์ร้อน เป็นคนไม่ค่อยสนใจใคร น้องใหม่โรงเรียนมัธยมปลายเซย์ริน เขามีพรสวรรค์ตามธรรมชาติเและมีประสบการณ์เล่นบาสเก็ตบอลจากอเมริกา คางามิมีความสามารถในการทำอาหารเพราะส่วนใหญ่จะอยู่ตัวคนเดียวเพราะพ่อของเขายังทำงานอยู่ที่ต่างประเทศ ไม่ถูกโรคกับสุนัขเพราะโดนสุนัขกัดตอนอยู่ที่อเมริกา แต่ตอนหลังก็พอจะเข้ากับเบอร์ 2 ได้ มีความสามารถในการกระโดดได้สูงจนสามารถป้องกันการทำแต้มของคู่แข่ง และยังช่วยทำแต้มให้แก่ทีม และเมื่อมาเรียนที่โรงเรียนเซย์รินเขาได้รู้จักกับ คุโรโกะ อดีตสมาชิกคนที่ 6 ในทีมแห่งปาฏิหาริย์ และได้ถูกเลือกให้เป็น "แสง" ของคุโรโกะ จากนั้นก็กลายเป็นคู่หูกันในชมรมบาสเก็ตบอล เป้าหมายของคางามิคือเอาชนะอดีตสมาชิกที่เหลือทั้ง 5 คนของรุ่นปาฏิหาริย์ ให้ได้เพื่อสร้างตำนานของแสงและเงาคู่ใหม่และพาทีมขึ้นไปสู่ที่ 1 ในระดับประเทศ นอกจากพลังกระโดดแล้ว เขายังสามารถไปถึงสถานะที่สมาธิจะพุ่งสูงถึง 100% ได้ เรียกว่า "โซน" ซึ่งตัวกระตุ้นที่จะทำให้เข้าโซนได้ ก็คือพวกพ้องของเขา






ฮิวงะ จุนเปย์ (日向 順平
พากย์เสียงโดย : Hosoya Yoshimasa
เบอร์ 4
ตำแหน่ง : Shooting Guard (ชู้ตติ้งการ์ด)
สูง : 178 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 68 กิโลกรัม
กรุ๊ปเลือด : A
วันเกิด : 16 พฤษภาคม
พรสวรรค์ : การชู้ต
รุ่นพี่ปี 2 โรงเรียนมัธยมปลายเซย์ริน รับหน้าที่กัปตันทีมบาสเก็ตบอล เป็นตัวชู้ตทำคะแนนในช่วงสถานการณ์ขับขัน และเวลาที่ลำบากเข้าตาจน ความสามารถของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ฮิวกะคลั่งไคล้ในการสะสมพวกหุ่นโมเดลจำลองของนักรบญี่ปุ่นสมัยสงครามเป็นอย่างมาก ในภาคแรก'ไอดะ ริโกะ' กล่าวไว้ว่า เขาเป็นคนสองบุคลิก เมื่อเข้าถึงตาจนฮิวกะจะชู๊ตลูกโดยที่ไม่มีการพลาดเลย นั่นก็เพราะว่าในสมัยที่ยังอยู่ปีหนึ่ง ฮิวกะไปยอมรับข้อเสนอของไอดะ ที่ว่า ถ้าชู๊ตลูกพลาดจะหักโมเดลของเขาทิ้ง เขาจึงตั้งตาฝึกจนสามารถโยนลูกสำคัญได้ลงห่วงจนกลายเป็นว่าจริงจังมากจนมีสองบุคลิกไป มีใบ้กลายๆในเรื่องด้วยว่าเขาอาจจะชอบริโกะก็ได้ (แต่อาจจะเป็นแนวเพื่อน ไม่ก็อาจจะมากว่านั้น)






อิสึกิ ชุน (伊月
พากย์เสียงโดย : Nojima Hirofumi
เบอร์ 5
ตำแหน่ง : Point Guard (พ้อยต์การ์ด)
สูง : 174 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 64 กิโลกรัม
กรุ๊ปเลือด : A
วันเกิด : 23 ตุลาคม
พรสวรรค์ : Eagle Eye
รุ่นพี่ปี 2 โรงเรียนมัธยมปลายเซย์ริน นิสัยสงบเสงี่ยม ไม่ค่อยตกใจอะไรง่ายๆ จึงเป็นตัวคุมเกมส์ที่ดี เปรียบเสมือนเสาหลักทางด้านจิตใจ เขามีสายตาเปรียบดังนกอินทรีย์ (อีเกิลอายส์) สามารถวิเคราะห์เกมส์และตำแหน่งของผู้เล่นแต่ละคนของทั้งสองฝ่าย และด้วยเหตุนี้เองทำให้เขามีความชำนาญในการวางแผนจัดการกับผู้เล่นคนอื่นๆ ในฝ่ายตรงข้าม รวมทั้งยังชอบเล่นมุกคำพ้องเสียงที่มักจะแป้กอยู่เสมอๆ





           

คิโยชิ เทปเปย์ (木吉 鉄平
พากย์เสียงโดย : Hamada Kenji
เบอร์ 7
ตำแหน่ง : Center (เซนเตอร์)
สูง : 193 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 81 กิโลกรัม
กรุ๊ปเลือด : O
วันเกิด : 10 มิถุนายน
รุ่นพี่ปี 2 โรงเรียนมัธยมปลายเซย์ริน เป็นเซ็นเตอร์และผู้ก่อตั้งชมรมบาสเก็ตบอลเซย์ริน คิโยชิเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี(จนเกินไป) แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มีความพยายามแม้จะรู้ตัวเองจะต้องแพ้ก็ตามเหมือนกับคุโรโกะ ทำให้มุราซากิบาระบอกจะขย้ำให้เละเพราะรู้ว่า ไร้ประโยชน์ในเมื่อจะทำยังไงก็แพ้อยู่แล้ว คิโยชิเป็น1ในอดีตราชาไร้บัลลังค์เช่นเดียวกันกับฮานามิยะ มาโคโตะ และราชาไร้บังลังค์อีกสามคนที่เหลือ เมื่อหนึ่งปีก่อนก่อนที่จะเริ่มเรื่อง คิโยชิได้รับบาดเจ็บที่ขาอย่างรุนแรง (เพราะช่วงที่แข่งกับคิริซากิ ไดอิจิ ฮานามิยะใช้สมาชิกทำเขาบาดเจ็บตอนดังค์ลูกเสร็จและกรรมการไม่เห็น) และต้องเข้ารับการรักษาตัวอย่างน้อยหนึ่งปี แต่เขาไม่ทำ จึงทำกายภาพบำบัดจนขาพอจะหายดี แล้วก็กลับมาเล่นกับทุกคน หลังจบการแข่งกับราคุซันแล้ว ก็ได้ไปรักษาตัวที่อเมริกาต่อไป คนแต่งเคยเขียนกลายๆด้วยว่าริโกะกับคิโยชิเคยเป็นแฟนกัน (แต่สาเหตุที่เลิกกันยังไม่แน่ชัด)





โคงาเนอิ ชินจิ (小金井 慎二
พากย์เสียงโดย : Eguchi Takuya
เบอร์ 6
ตำแหน่ง : Small Forward (สมอลฟอร์เวิร์ด)
สูง : 170 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 74 กิโลกรัม
กรุ๊ปเลือด : B
วันเกิด : 11 กันยายน
รุ่นพี่ปี 2 โรงเรียนมัธยมปลายเซย์ริน เขาทำอะไรได้หลายอย่างแม้ว่าเขาจะไม่เก่งในเรื่องใดๆโดยเฉพาะ แต่เขาก็สามารถชู้ตลูกได้หลายระยะแม้จะขาดความแม่นยำไปบ้างก็ตาม






มิโตเบะ รินโนะสุเกะ (水戸部 凛之助
พากย์เสียงโดย : -
เบอร์ 8
ตำแหน่ง : Center (เซนเตอร์)
สูง : 186 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 78 กิโลกรัม
กรุ๊ปเลือด : B
วันเกิด : 3 ธันวาคม
พรสวรรค์ : Hook Shot
รุ่นพี่ปี 2 โรงเรียนมัธยมปลายเซย์ริน ผู้เล่นที่แข็งแกร่ง และทักษะการป้องกันที่ยอดเยี่ยม แม้ว่าเขาจะไม่พูด ไม่บ่น และไม่มีใครเคยได้ยินเสียงของเขาก็ตามแต่เพื่อนร่วมทีม และโดยส่วนมากแล้วชินจิจะเป็นผู้แปลคำพูดของรินโนะสุเกะให้เพื่อนๆในทีมมากกว่า





สึจิดะ ซาโตชิ (土田 聡史
พากย์เสียงโดย : Inoue Go
เบอร์ 9
ตำแหน่ง : Power Forward (เพาเวอร์ฟอร์เวิร์ด)
สูง : 176 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 70 กิโลกรัม
กรุ๊ปเลือด : AB
วันเกิด : 1 พฤษภาคม
รุ่นพี่ปี 2 โรงเรียนมัธยมปลายเซย์ริน เป็นเพื่อนสนิทกับโคงาเนอิและมิโตเบะ รักษาการตำแหน่ง Power Forward จนกระทั่งคางามิย้ายเข้ามา สึจิดะเก่งในเรื่องการทำอาหาร และเป็นคนเดียวในทีมที่มีแฟนแล้ว




ไอดะ ริโกะ (相田 リコ
พากย์เสียงโดย : Saito Chiwa
ตำแหน่ง : โค้ช
สูง : 156 เซนติเมตร
น้ำหนัก : -
กรุ๊ปเลือด : A
วันเกิด : 5 กุมภาพันธ์
รุ่นพี่ปี 2 โรงเรียนมัธยมปลายเซย์ริน เธอเป็นโค้ชทีมบาสเกตบอลผู้มีความสามารถสแกนและประเมินความสามารถทางกายภาพของผู้เล่นได้อย่างรวดเร็ว เธอได้รับความสามารถนี้จากการไปทำงานกับพ่อที่เป็นผู้ฝึกสอนด้านกีฬา เธอมักใช้เวลาค้นคว้าหาข้อมูลและวิจัยความแข็งแกร่งของทีมอื่นๆ เพื่อวางแผนกลยุทธ์ให้กับลูกทีม แม้เธอจะชาญฉลาด แต่ก็มีอารมณ์ที่อ่อนไหวเหมือนกัน ฝีมือทำอาหารค่อนข้างแย่





ฟุริฮาตะ โคคิ (降旗
พากย์เสียงโดย : Mizutani Naoki
เบอร์ 12
ตำแหน่ง : Point Guard (พ้อยต์การ์ด)
สูง : 170 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 60 กิโลกรัม
กรุ๊ปเลือด : O
วันเกิด : 8 พฤศจิกายน








ฟุคุดะ ฮิโรชิ (福田
พากย์เสียงโดย : Sasaki Hiroo
เบอร์ 13
กรุ๊ปเลือด : A
วันเกิด : 26 เมษายน




คาวะฮาระ โคอิจิ (河原 浩一
พากย์เสียงโดย : Yoshimoto Yasuhiro
เบอร์ 15
ตำแหน่ง : Center (เซนเตอร์)
สูง : 175 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 77 กิโลกรัม
กรุ๊ปเลือด : A
วันเกิด : 8 พฤศจิกายน
เท็ตสึยะ เบอร์ 2 (テツヤ2
เป็นสุนัขของคุโรโกะ ที่บังเอิญพบว่าถูกทิ้งอยู่แถวร้านโอโคโนมิยากิที่พวกคุโรโกะไปรับประทานหลังจากแข่งกับชูโตคุซึ่งมี มิโดริมะ ชินทาโร่ 1 ในรุ่นปาฏิหาริย์เสร็จ เป็นสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้ มีตาสีฟ้าอ่อนและหน้าตาคล้ายคุโรโกะ ใส่เสื้อเบอร์ 16





โรงเรียนไคโจ





คิเสะ เรียวตะ (黄瀬 涼太
พากย์เสียงโดย : Kimura Ryouhei
เบอร์ 7 (สมัยเทย์โคเบอร์ 8)
ตำแหน่ง : Small Forward
สูง : 189 ซม. (สมัยเทย์โคสูง 171 ซม.)
น้ำหนัก : 77 กก.
กรุ๊ปเลือด : A
วันเกิด : 18 มิถุนายน
พรสวรรค์ : การเลียนแบบท่า, เพอร์เฟกค์ก็อปปี้
อดีต 1 ในสมาชิกของรุ่นปาฎิหารย์ มีความสามารถในการลอกเลียนแบบท่าต่างๆและเพิ่มประสิทธิภาพของท่านั้นๆ มักคิดว่าตนเองสนิทกับคุโรโกะที่สุด(แต่คุโรโกะก็ปฏิเสธตลอด) เคยชักชวนให้คุโรโกะย้ายไปเข้าทีมบาสโรงเรียนไคโจแต่สุดท้ายก็ถูกปฏิเสธ ในอดีต สมัยช่วงม.ต้นมักจะชอบท้าแข่งกับอาโอมิเนะอยู่เป็นประจำ ปัจจุบันเป็นเอสของทีมชมรมบาสโรงเรียนไคโจ คิเสะเกลียดไส้เดือน และมักจะถูกคนในทีมแกล้งอยู่บ่อยๆ นอกจากนั้นยังเป็นนายแบบอีกด้วย ชอบกินซุปหัวหอมกราแตงมาก และชอบลงท้ายชื่อคนอื่นว่า "-จิ" เสมอถ้าเขายอมรับ ยกเว้นพวกรุ่นพี่







คาซามัตซึ ยูกิโอะ (笠松 幸男
พากย์เสียงโดย : Hoshi Soichiro
เบอร์ 4
ตำแหน่ง : Point Guard
สูง : 178 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 66 กิโลกรัม
วันเกิด : 29 กรกฎาคม
งานอดิเรก : เล่นกีตาร์
รุ่นพี่ปี 3 กัปตันแห่งชมรมบาสโรงเรียนไคโจ เป็นคนที่ให้ความสำคัญในเรื่องการให้ความเคารพรุ่นพี่มาก ไม่ชอบเวลาที่สมาชิกในทีมของตนทำท่าทางที่ดูเหมือนไม่จริงจังกับการแข่ง โดยเฉพาะคิเสะที่มักจะโดนถีบใส่บ่อยสุด





โรงเรียนชูโตคุ




มิโดริมะ ชินทาโร่ (緑間 真太郎
พากย์เสียงโดย : Ono Daisuki
เบอร์ 6 (สมัยเทย์โคเบอร์ 11 ตอนปีหนึ่ง เบอร์ 7 ตอนปีสอง)
ตำแหน่ง : Shooting Guard
สูง : 195 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 79 กิโลกรัม
กรุ๊ปเลือด : B
วันเกิด : 7 กรกฎาคม
พรสวรรค์ : ลูกชู้ต 3 แต้ม
อดีต 1 ในสมาชิกของรุ่นปาฏิหาริย์ มีความสามารถในการชู้ตลูกลงห่วงได้ไม่ว่าจะยืนอยู่ตรงตำแหน่งไหนของสนาม โดยถือคติทำลูก 3 แต้มเท่านั้น (พื้นที่นอกครึ่งวงกลมใต้แป้น) มิโดริมะมักจะพกของนำโชค หรือลัคกี้ไอเท็มอยู่เป็นประจำ ถ้าวันไหนไม่ได้พกจะถือว่าดวงซวยมากๆ เวลาพูดจะชอบพูดลงท้ายว่า "นาโนดาโยะ" มิโดริมะเป็นคนที่ไม่ค่อยถูกกับคุโรโกะมากๆ เพราะกรุ๊ปเลือดต่าง(คุโรโกะเลือดกรุ๊ป A เชื่อว่ากรุ๊ป A และ B เข้ากันไม่ได้) และทัศนคติต่อบาสที่ต่างกัน เขาเป็นคนที่ปากไม่ค่อยตรงกับใจ(และปากแข็งด้วย) แต่ลึกๆก็เป็นคนใจดี พร้อมจะช่วยเหลือผู้อื่นหากเดือดร้อนตามแบบของเขา เพราะเหตุนี้ทำให้เขามักโดนทาคาโอะแกล้งตลอด เขาสนิทกับอาคาชิที่สุดในทีมตอนสมัยเทย์โค เพราะเป็นรองกัปตัน และใช้เวลาว่างเล่นโชงิด้วยกันเสมอ มีน้องสาวอยู่ 1 คน




ทาคาโอะ คาซึนาริ (高尾 和成
พากย์เสียงโดย : Suzuki Tatsuhisa
เบอร์ 10
ตำแหน่ง : Point Guard
สูง : 176 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 65 กิโลกรัม
กรุ๊ปเลือด : O
วันเกิด : 21
พรสวรรค์ : Hawk's Eye
ปี 1 ทีมบาสโรงเรียนชูโตคุ คู่หูของมิโดริมะ มีความสามารถเหมือนอีเกิลอายส์ของอิซึกิ ชุน แห่งทีมเซย์ริน แต่ความสมารถของทาคาโอะเหนือกว่าเพราะมีสายตาที่มีความเฉียบคมดั่งเหยี่ยว (ฮอว์คอายส์) ทำให้มองเห็นการเคลื่อนไหวของคุโรโกะได้ชัดเจน ทาคาโอะเป็นคนร่าเริง เฮฮา ชอบล้อเลียนมิโดริมะ และมักจะเป็นเบ๊คอยปั่นซาเล้งให้มิโดริมะเป็นประจำ มีน้องสาวอยู่ 1 คนเหมือนมิโดริมะ เวลาว่างชอบนั่งสะสมการ์ด




โรงเรียนโทโอ





อาโอมิเนะ ไดกิ (青峰 大輝
พากย์เสียงโดย : Suwabe Junichi
เบอร์ 5 (สมัยเทย์โคเบอร์ 6)
ตำแหน่ง : Power Forward
สูง : 192 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 85 กิโลกรัม
กรุ๊ปเลือด : B
วันเกิด : 31 สิงหาคม
พรสวรรค์ : ความเร็ว
คติประจำตัว : คนที่จะเอาชนะฉันได้ ก็คือฉัน
อดีต 1 ในสมาชิกของรุ่นปาฏิหาริย์ เป็นผู้เล่นที่เก่งกาจขนาดคางามิยังโค่นไม่ลง อาโอมิเนะเคยเป็นแสงให้คุโรโกะสมัยตอนอยู่โรงเรียนเทย์โค และเป็นคนที่คิเสะนับถือ แต่พอขึ้นชั้นมัธยมปลายกลับนิสัยแย่ลง เกเร ชอบดูถูกเหยียดหยามคู่แข่ง ความสามารถของอาโอมิเนะคือความเร็ว และร่างกายที่ยืดหยุ่น ถนัดเล่นเกมเร็ว และมักเล่นบาสสไตล์ไร้รูปแบบ ทำให้ป้องกันได้ยาก




โมโมอิ ซัทสึกิ (桃井 さつき
พากย์เสียงโดย : Orikasa Fumiko
ตำแหน่ง : ผู้จัดการทีม
สูง : 161 เซนติเมตร
น้ำหนัก : -
วันเกิด : 4 พฤษภาคม
ผู้จัดการชมรมบาสเก็ตบอลโรงเรียนโทโอและโรงเรียนเทย์โคในอดีต โมโมอิมีความสามารถในการหาข้อมูลเกี่ยวกับทักษะและความสามารถของทีมคู่แข่ง เพื่อนำมาวิเคราะห์เพื่อเป็นประโยชน์แก่สมาชิกในทีม เนื่องจากเป็นโมโมอิเพื่อนสมัยเด็กกับอาโอมิเนะที่เติบโตมากับบาส จึงทำให้ซึมซับความรู้เกี่ยวกับเรื่องบาสเก็ตบอล นอกจากนั้นโมโมอิยังแอบชอบคุโรโกะอยู่อีกด้วย



โรงเรียนโยเซ็น






มุราซากิบาระ อาสึชิ (紫原
พากย์เสียงโดย : Suzumura Kenichi
เบอร์ 9 (สมัยเทย์โคเบอร์ 5)
ตำแหน่ง : Center
สูง : 208 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 99 กิโลกรัม
กรุ๊ปเลือด : O
วันเกิด : 9 ตุลาคม
พรสวรรค์ : การป้องกัน
ของชอบ : ขนม/ของหวาน
อดีต 1 ในสมาชิกของรุ่นปาฏิหาริย์ มีนิสัยขี้เกียจ มีร่างกายที่สูงใหญ่ที่สุดในรุ่นปาฏิหาริย์ และเพราะมีร่างกายที่ใหญ่โตทำให้สามารถป้องกันการทำแต้มของคู่แข่งได้อย่างง่ายดาย มุราซากิบาระชื่นชอบขนมเป็นที่สุด มักจะพกห่อขนมติดตัวอยู่เสมอ แม้เขาจะอยู่ชมรมบาสและได้ลงแข่งเป็นตัวจริง แต่เขามักจะพูดว่าตนนั้นเกลียดบาสเก็ตบอลที่สุด มุราซากิบาระมีพี่ชาย 3 คนและพี่สาว 1 คน





ฮิมุโระ ทัตสึยะ (氷室 辰也
พากย์เสียงโดย : Taniyama Kishou
เบอร์ 12
ตำแหน่ง : Shooting Guard
สูง : 183 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 70 กิโลกรัม
กรุ๊ปเลือด : A
วันเกิด : 30 ตุลาคม
พรสวรรค์ : มิราจชู้ต, เพอร์เฟ็คเฟค
คู่หูของมุราซากิบาระ ฮิมุโระสมัยที่อยู่อเมริกาได้พบเจอกับคางามิและเป็นได้ชักชวนคางามิเล่นสตรีทบาส ด้วยความที่คางามินั้นยังพูดภาษาองักฤษไม่ค่อยได้เลยสนิทกับฮิมุโระมาก นับแต่นั้นคางามิก็นับถือฮิมุโระเป็นพี่ชาย แต่ฮิมุโระกลับอิจฉาคางามิที่มีพรสวรรค์เรื่องบาสเป็นอย่างมาก ความสามารถของฮิมุโระคือการลอกลวงคู่แข่ง ทำให้คู่แข่งติดกับได้อย่างสมบูรณ์






โรงเรียนราคุซัน









อาคาชิ เซย์จูโร่ ((赤司 征十郎
พากย์เสียงโดย : Kamiya Hiroshi
เบอร์ 4 (สมัยเทย์โคเบอร์ 4)
ตำแหน่ง : Point Guard
สูง : 173 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 64 กิโลกรัม
กรุ๊ปเลือด : AB
วันเกิด : 20 ธันวาคม
พรสวรรค์ : เอ็มเพอเรอร์อาย (เนตรจักรพรรดิ)
งานอดิเรก : เล่นโชงิ (หมากรุกญี่ปุ่น)
อดีต 1 ในสมาชิกของรุ่นปาฏิหาริย์ และเป็นกัปตันทีมของรุ่นปาฏิหาริย์ รวมทั้งเป็นกัปตันทีมของราคุซัน อาคาชิมีความสามารถสูงในทุกด้าน เขาไม่เคยได้สัมผัสความรู้สึกของการพ่ายแพ้เลยสักครั้ง สมัยเทย์โคอาคาชิสนิทกับมิโดริมะมากที่สุด เพราะชอบเล่นโชงิด้วยกันเวลาว่าง ความสามารถของอาคาชิคือการมองเห็นการเคลื่อนไหวของคู่แข่งล่วงหน้า ทำให้การป้องกันและการบุกของคู่แข่งไม่เป็นผล เรียกว่า "Emperor Eye (เนตรจักรพรรดิ)" นอกจากนี้คนที่ค้นพบความสามารถของคุโรโกะก็คืออาคาชิ